Aurora vs RDS แตกต่างกันอย่างไร ?

Aurora vs RDS แตกต่างกันอย่างไร ?

เป็นบริการฐานข้อมูลฐานข้อมูลหลากหลายให้เลือก ทั้ง PostgreSQL, MySQL, MariaDB, Oracle, and Microsoft SQL Server รวมไปถึง Aurora ด้วยสรุปคือ Aurora นั้นเป็นส่วนนึงของเซอร์วิส RDS นั้นเอง
Clock Icon2022.03.14

この記事は公開されてから1年以上経過しています。情報が古い可能性がありますので、ご注意ください。

RDS (Relational Database Service)

เป็นบริการฐานข้อมูลฐานข้อมูลหลากหลายให้เลือก ทั้ง PostgreSQL, MySQL, MariaDB, Oracle, and Microsoft SQL Server รวมไปถึง Aurora ด้วยสรุปคือ Aurora นั้นเป็นส่วนนึงของเซอร์วิส RDS นั้นเอง

Amazon Aurora

Amazon Aurora เป็นบริการฐานข้อมูลประเภทหนึ่งที่ใช้งานอยู่ใน RDS โดยมีทั้งหมด 2 แบบให้เลือกใช้งาน

  • Aurora Provisioned (Normal Type) สามารถปรับขนาดเพิ่ม - ลด ปริมาณ storage ได้อัตโนมัติ
  • Aurora Serverleess สามารถปรับขนาดเพิ่ม - ลดสเปคของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้ทั้ง storage , CPU และ Memory ได้อัตโนมัติ
  • มีการนำข้อดีของ RDS มาช่วยในการจัดการฐานข้อมูลแต่ที่แตกต่างกับ RDS คือสามารถทำการ Scale ตัวเองได้โดยอัตโนมัติโดยสามารถใช้งานร่วมกับ MySQL และ PostgreSQL ได้ มีความพร้อมใช้งาน เรียบง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อใช้งานกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    ข้อดีของ Service ทั้งสอง

    RDS (Relational Database Service)

  • สามารถตั้งค่าฐานข้อมูลได้อย่างละเอียดว่าต้องการใช้งานสเปคเท่าไหร่
  • มี Plugin MySQL
  • Support InnoDB เท่านั้น
  • สามารถ Specific releases version ได้
  • รองรับการใช้งาน MySQL, PostgreSQL, MariaDB, Oracle และ Microsoft SQL Server

  • AWS Aurora

  • เร็วกว่า MySQL ปกติ 5 เท่า และเร็วกว่า PostgreSQL ปกติ 3 เท่า
  • Storage Autoscaling สามารถปรับเพิ่มขนาดได้ ต่ำสุด 10GB สูงสุดระดับ 64TB
  • ใช้งาน Availability Zone เพิ่มความพร้อมใช้งานและความทนทานสูง
  • หากไม่มีการเข้าถึง สามารถตั้งค่าให้หยุดโดยอัตโนมัติได้ และเปิดอีกครั้งเมื่อมีการเข้าถึง
  • ใช้ประโยชน์จาก Full Managed Service ของ RDS
  • รองรับการใช้งาน MySQL, PostgreSQL
  • บทความที่เกี่ยวข้อง

  • วิธีการ Start และ Terminate Aurora Serverless
  • วิธีการเชื่อมต่อ Aurora Serverless จาก Query Editor
  • อย่างไรก็ตามเซอร์วิสทั้ง 2 ตัวต่างมีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันตามการใช้งาน ขึ้นอยู่กับว่าเรามีความต้องการที่จะใช้งานแบบไหนก็ควรปรับมาใช้งานเซอร์วิสนั้นๆ

  • ตัวอย่างเช่นถ้าระบบไม่ได้มีความจำเป็นจะต้อง Scale หรือ ต้องการ backup ตลอดเวลาก็ไม่จำเป็นต้องใช้งาน AWS Aurora เนื่องจากอาจจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า Amazon RDS ปกติ
  • หรือกรณีที่เราต้องการใช้งาน Plugin ของ MySQL และมีการเลือกใช้งานเวอร์ชั่นที่กำหนดเองก็ควรจะใช้ Amazon RDS เพราะมีฟังก์ชั่นในการใช้งานที่ตรงตามความต้องการของเรา
  • และสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ทางผมก็มีบล๊อกมานำเสนอที่เกี่ยวกับการใช้งาน Aurora มาฝากทุกคนด้วยครับ สุดท้ายหวังว่าบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับเซอร์วิสของ AWS อยู่ไม่มากก็น้อยครับ

    Share this article

    facebook logohatena logotwitter logo

    © Classmethod, Inc. All rights reserved.